วันศุกร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2553

European Delight (London Here I Come!!!)






พอตอนเช้าวันที่ 8 พค. ก็ตื่นแต่เช้าตรู่เพราะต้องไปถึงที่สนามบินเวลาประมาณ 7.20 ก็ตื่นตอนตี 5 check out แล้วก็แบกกระเป๋าขึ้นรถไฟ ไป KL Sentral แล้วก็ต่อรถบัสไปสนามบิน ก็ไปถึงเร็วเหมือนกันก็ไป check in แต่ก็พบปัญหาคล้ายๆ ที่กรุงเทพฯ ก็คือว่าน้ำหนักกระเป๋าเกิน ???? ไอ้เราก็งง ไหนเจ้าหน้าที่ที่กทม.บอกว่าขาออกจาก KL เราซื้อน้ำหนักไว้แล้ว แต่ไหงพอมาเช็คที่นี่มันกลับบอกว่าไม่ได้ซื้อซะงั้น ไอ้เราก็งงปนเซ็ง ก็เลยเออๆๆๆๆๆ ซื้อก็ได้ ก็เลยซื้อไปทั้งขาไป และขากลับ โดนไปขาละ 500 บาท ป่อยยยย.... คือถ้าโดนที่ กทม จะโดนแค่ 300 บาท แม่มเอ้ยยยย เซ็ง...เอาๆๆๆๆ ช่างมัน ก็ไปขึ้นเครื่อง

เครื่องที่ไปเป็น Airbus A340 สีดำ ลาย Oakland Raider เท่ห์ไปเลยทีเดียว พอไปขึ้นเครื่อง เริ่มเห็นความซวย...เพราะมีพวกครอบครัวฝรั่งมากับเด็กเล็ก ทารก อะไรเงี้ยะ เต็มเครื่องเลย แล้วมันก็มานั่งใกล้ๆเรา พอเครื่อง takeoff ไป ด้วยที่ว่า flight มันยาวบิน 14 ชม. ต้องแบกน้ำมันไปเยอะ เครื่อง Airbus ถึงแม้มี 4 engines ในส่วนของ performance มันก็ยังสู้ 747 หรือ 777 ไม่ได้ (พูดเข้าข้าง Boeing ตามประสา คนขับ 747 หุ หุ) พอตอน take off ไปเลยรู้สึกได้เลยว่าเครื่องมัน sink ตอนเก็บ gear แล้วก็ดูจะไต่ไม่ค่อยขึ้น แต่ก็เอาเหอะเครื่องมันไหวอยู่แล้ว แต่ไอ้ที่ไม่ไหวเนี่ย คือพวกแก๊งค์เด็กที่อยู่ใกล้ๆ แม่มเอ้ย ร้องกันระงม อย่างกับ Orchestra นี่ไม่อยากนึกสภาพตอนเราอยากจะนอน ว่าจะแย่ขนาดไหน เพราะเราก็อยากนอนบนเครื่องให้เยอะๆ พอไปถึงจะได้ไม่เพลียมากเกินไป จะได้เที่ยวได้สนุกๆ พอนั่งไปซักพักก็หิวๆๆๆๆ ดีนะที่ booked อาหารไว้ ไม่งั้นแย่แน่ แต่ขนาดนั้นก็ยังหิว ก็ต้องซื้อถั่วซื้ออะไรมากิน จะว่าไปที่ air asia เนี่ย มันขายทุกอย่างบนเครื่องเลยยยย จองตั๋วนี่ได้แต่ที่นั่งอย่างเดียว อย่างอื่นเสียตังค์หมด ดีนะที่ห้องน้ำยังเข้าฟรี ถ้าเก็บเงินอีกนี่มีเฮ 555

สรุปก็นอนลำบากเอาเรื่องเหมือนกัน เนื่องจากปัญหาเสียงร้องของพวกเด็กเวรนั่นน่ะแหละ แต่ก็พอหลับได้อยู่บ้าง พอเครื่องจะถึงเราก็เริ่มตื่นเต้น เนื่องจากที่มีปัญหาเถ้าภูเขาไฟบ้าง ไอ้เราก็หวั่นนิดๆ ว่ามันจะมีปัญหารึปล่าว แต่บอกใครไม่ได้ เพราะแฟนเรามันกลัวกว่า เราก็ต้องทำเป็นไม่กลัว พอใกล้ landing เมฆหมอกเต็มเลย ไม่รู้เป็นเมฆจริงหรือว่าเป็นเถ้าถ่านกันแน่ 555 แต่ต่ำๆ ขนาดซัก 5,000 ft คงเป็นเมฆน่ะแหละ หุๆ

พอผ่านเมฆไปก็เห็นทุ่งสีเหลืองๆ ไม่รู้ว่าเป็นดอกอะไร (ตอนหลังรู้ว่ามันคือดอก canola ที่เค้าเอาไว้ทำน้ำมันพืช) ดูสวยดี ก็ถ่ายๆรูปไว้ เห็นภาพ London ครั้งแรกจากมุมสูงก็คุยกับแฟนว่า เฮ้ย...เราถึงอังกฤษแล้ว บ้านเมืองเหมือนใน Harry Potter เลย บรรยากาศดูยุโรปมากๆ ทึมๆ มืดๆ หม่นๆ พอเครื่องลงเราก็รีบออกจากเครื่องมา ถึงแม้จะเข้างวงแต่เราก็ได้สัมผัสอากาศหนาวแรกของอังกฤษที่อากาศประมาณ 12 องศา แถมลมแรงเลยทีเดียว หนาวเอาการ พอเราเอากระเป๋าเสร็จเดินออกมาก็หารถไฟขึ้น เพราะกล้วยขี้เกียจขึ้นรถบัสแล้ว เธอบอกว่ามันช้าไป ใช้เวลาซะเกือบ 2 ชั่วโมง ก็เลยไปรถไฟที่ว่ากันว่าใช้เวลาประมาณชั่วโมงนึง ก็เลยเอาก็เอา ซื้อตั๋วรถไฟ Stansted Express เข้าเมือง แล้วก็ซื้อแค่เที่ยวเดียว เพราะว่าไม่แน่ใจว่าขากลับจะกลับมายังไง....คิดถูกจริงๆ เพราะตอนหลังกลับมาด้วยรถบัส 555

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น